Middleweight Sportbike แบบไหนที่ถูกใจคุณ? รวม 6 Super Sport ในพิกัด 600cc ที่ดีที่สุด

Middleweight Sportbike แบบไหนที่ถูกใจคุณ? รวม 6 Super Sport ในพิกัด 600cc ที่ดีที่สุด

ถ้าให้พูดถึงรถ Sport Bike ซักคันที่ไม่จำเป็นต้องเป็นตัว 1000cc และพอที่จะเอื้อมถึงก็คงจะเป็น Super Sport 600cc ในรุ่นต่าง ๆ มาดูกันว่า Middleweight Sportbike มีรุ่นไหนที่น่าเล่นอยู่บ้าง

 

1.Yamaha YZF-R6


สาย Super Sport ตัวจริงไม่รู้จักเป็นไปไม่ได้กับ Yamaha YZF-R6 สุดยอดรถแข่งตลอดกาลที่หลายคนนั้นหมายปองอยากจะเป็นเจ้าของด้วยความแรงที่ให้มาแบบเต็มกำลัง Yamaha YZF-R6 นั้นก็ได้เริ่มผลิต Gen1 ตั้งแต่ปี 1999 จนมาถึงตอนนี้ก็ได้ทำออกมาแล้ว 3 Gen ด้วยกัน Gen2 และ Gen3 จะเป็นโมเดลที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากโดยเฉพาะในเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่ทั้ง 2 โมเดลนั้นมีความแตกต่างขึ้นอยู่กับว่าความชอบของแต่ละคนนั้นจะเลือกคันไหน


Yamaha YZF-R6 2006 (Gen2) มีเรดไลน์ที่ 17,500 รอบต่อนาที ซึ่งสูงกว่ารุ่น R6 Gen1 อยู่ 2,000 รอบต่อนาทีและเป็นเรดไลน์สูงสุดของเครื่องยนต์รถจักรยานยนต์สี่จังหวะที่ผลิตในปี 2006 เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง 599cc 4 จังหวะ DOHC ให้แรงม้าสูงสุดที่ 127แรงม้า(93kw)ที่14,500 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 6.73kg・m(66.0N・m)ที่12,000 รอบต่อนาที ถังน้ำมัน 17.5 ลิตร น้ำหนักรวมของเหลว 183 กิโลกรัม


Yamaha YZF-R6 2021 (Gen3) เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 599cc ระบบวาล์วแบบ DOHC 4 วาล์ว/ลูกสูบ จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีด ที่มาพร้อมเทคโนโลยี YCC-T® (Yamaha Chip Controlled Throttle) และ YCC-I® (Yamaha Chip Controlled Intake) ช่วยคำนวณปริมาณเขื้อเพลิง ให้มีความสัมพันธ์กับรอบของเครื่องยนต์ ก่อนจะส่งต่อไปยังหัวฉีด ระบายความร้อนด้วยของเหลว เกียร์แบบสปอร์ต 6 Speed ทำงานร่วมกับ Slipper Clutch ช่วยเพิ่มความนุ่มนวลและลื่นไหลจังหวะของการขับขี่ ให้กำลังสูงสุด 87.10 กิโลวัตต์ (118.4 แรงม้า) ที่ 14,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 61.7 นิวตันเมตร ที่ 10,500 รอบต่อนาที

 

2.Honda CBR600RR


คู่ปรับส้อมเสียงตลอดกาล Honda CBR600RR ไม่นานมานี้ก็ได้เปิดตัวโฉมใหม่ล่าสุดที่ได้ถ่ายทอด DNA มาจากพี่ใหญ่ที่เปิดตัวพร้อม ๆ กันอย่าง Honda CBR1000RR-R แนะนำเลยไม่ว่าจะเป็นมือใหม่หรือมือเก๋าก็ขี่มันส์ได้เหมือนกัน ยอมรับเลยว่าเป็นรถที่ขับขี่่าย คล่องตัว เบาสบาย ไม่แรงจนเกินตัวมากเกินไป และด้วยความที่เป็นรถซุปเปอร์สปอร์ต รหัส RR หรือ Racing Replica นั้น แน่นอนว่าเทคโนโลยีต่างๆ จากสนามแข่งในรถคันนี้จัดมาเต็มทั้งหมด โดยเฉพาะระบบควบคุมการขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นเซ็นเซอร์ IMU ที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ของตัวรถทั้งคัน ไม่ว่าจะเป็นระบบ ABS, Traction Control, คันเร่งไฟฟ้า นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับโหมดขับขี่ให้เลือกใช้งานด้วย โดยรูปแบบหลักๆ แบ่งออกเป็นสำหรับใช้บนถนน เน้นความนุ่มนวล ขับขี่ง่าย และสำหรับใช้ในสนามแข่ง เน้นรีดประสิทธิภาพสูงสุดของรถออกมา


Honda CBR600RR 2021 ใช้เครื่องยนต์รหัส 2BL-PC40 ชนิด 4 สูบเรียง 599cc 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ รีดพละกำลังสูงสุดได้ 121 แรงม้า ที่ 14,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 64 นิวตันเมตร ที่ 11,500 รอบ/นาที มีการอัพเกรดแคมชาร์ฟ, สปริงวาล์ว, แคร้งชาร์ฟ และอื่น ๆ ใหม่ทั้งหมด เพื่อรองรับกับพละกำลังในรอบเครื่องยนต์อันจัดจ้านถึง 14,000 รอบ/นาที ได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงในส่วนของไอดี, ไอเสีย รวมถึงระบบหล่อเย็นแบบ Water Jacket เพื่อเสริมประสิทธิภาพให้กับเครื่องยนต์ให้ดีขึน

 

3.Kawasaki ZX-6R / ZX636


หลาย ๆ คนงงว่า ZX-6R กับ ZX636R ต่างกันตรงไหนบอกได้ตรงนี้เลยครับว่าต่างกันแค่ชื่อนอกนั้นเหมือนกันหมด Kawasaki ZX-6R เท่าที่ได้ลองสัมผัสการขับขี่รู้สึกได้ถึงพลังของยักษ์เขียวที่ราวกับว่ามันได้ย่อส่วนมาจากพี่ใหญ่อย่าง ZX-10RR เลยทีเดียว ซึ่งฟิวลิ่งการขับขี่นั้นเหมือนกันทุกรูปแบบไม่ว่าจะเป็น Position การนั่ง แรงบิดการทดของรอบ (เดิมโรงงาน) ที่จะหนักช่วงต้นนิดหน่อยแต่ช่วงกลางและช่วงปลายไหลได้ดี ช่วงฐานล้อจะสั้น เบาะสูง เหมาะกับสายมุดที่แท้จริง


Kawasaki ZX-6R / ZX636 เป็นเครื่องยนต์แบบ 4 จังหวะ 4 สูบเรียง ขนาด 636cc ระบบวาล์วแบบ DOHC 16 วาล์ว จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ระบายความร้อยด้วยน้ำ ส่งกำลังผ่านเกียร์ 6 สปีด ให้พละกำลังสูงสุดที่ 95.4 กิโลวัตต์ หรือ 130 แรงม้า ที่ 13,500 รอบต่อนาที (กรณีมี Ram Air ได้สูงสุดถึง 136 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด 70.8 นิวตันเมตร ที่ 11,000 รอบต่อนาที ผ่านมาตรฐานเสียระดับ Euro 4 และยังมาพร้อมระบบ Assist & Slipper Clutch ช่วยลดแรงกระชากของล้อหลังขณะลดเกียร์ ช่วยป้องกันท้ายปัดได้เป็นอย่างดี

 

4.Suzuki GSX-R600


ไหน ๆ ก็มาฝั่งญี่ปุ่นแล้ว เอาให้ครบทั้ง 4 ค่ายเลยแล้วกัน Suzuki GSX-R600 คนบ้าทีมต้องรู้จักด้วยแรงบิดที่มหาศาลในช่วงต้นเป็นโลมาบกที่มีความเฟี้ยวฟ้าวทั้งท้องถนนและในสนาม รูปทรงที่ดูเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของ Suzuki GSX-R หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า Gixxer(จิ๊กเซอร์)


Suzuki GSX-R600 จะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ขนาด 599cc 4 สูบ ผลิตพละกำลังได้ถึง 126 แรงม้า ที่ 13,500 รอบ/นาที มีแรงบิดสูงสุด 69.60 นิวตันเมตร ที่ 11,500 รอบ/นาที รวมน้ำหนักตัว 187 กก. พร้อมถังเชื้อเพลิงจุ 17 ลิตร เหมือนกับสเปคในรุ่นปัจจุบัน นอกจากนี้อาจมีระบบ Traction Control และ Suzuki’s Drive Mode รวมถึงเทคโนโลยี VVT จากรุ่นเรือธงของค่ายเข้ามาเพิ่มให้อีกด้วย แต่น่าเสียดายที่รุ่นนี้ไม่ค่อยพบเห็นในบ้านเรามากนัก แต่เชื่อว่ายังมีคนที่รุ่นนี้อยู่ไม่น้อยเหมือนกัน

 

5.Triumph Daytona Moto2 765


ถ้าพูดถึงวงการ Motor Sport ใครที่ศึกษากันดี ๆ แล้วไม่ได้มีเพียงแค่รถของฝั่งเอเชียเพียงเท่านั้นที่ได้อยู่ในรายการใหญ่ รถมอเตอร์ไซค์เมืองผู้ดีสัญชาติอังกฤษอย่าง Triumph ก็ได้มี Supersport ในพิกัด 600cc อยู่ด้วยเช่นกันอย่างโมเดล Triumph Daytona Moto2 765 โมเดลนี้ได้ทำสัญญากับรายการแข่ง Moto 2 รถแข่งส่วนใหญ่ในรายการนี้จะเป็น Triumph Daytona Moto2 765 แทบทุกคัน


เรื่องขุมกำลังนั้นเร้าใจอย่าบอกใครเลยเจ้า Triumph Daytona Moto2 765 ได้ถ่ายทอด DNA มาจากสนามแข่งโดยเป็นสเปกเดียวกับ Moto 2 ด้วยขุมกำลัง 3 สูบ 765cc. แบบเดียวกับที่ใช้ในการแข่งขัน สามารถรีดแรงม้าได้ 128 hp ที่ 12,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดที่ 59 ปอนด์ฟุต หรือราว 79.9 นิวตันเมตร ขณะที่เรดไลน์นั้นสูงถึง 13,250 รอบต่อนาที และความพิเศษของรถคันนี้ คือผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,530 คัน และมีการรันหมายเลขในแต่ละคัน และยังได้ลิขสิทธิ์ในการใช้ชื่อ “Moto2” ในชื่อรุ่นอีกด้วย โดยครึ่งหนึ่งของทั้งหมดจะถูกส่งไปยังอเมริกา พร้อมมีลวดลายสีแดงตัดเข้ามาเล็กน้อย เพื่อให้แตกต่างจากรุ่นที่ขายทางฝั่งยุโรป

 

6.MV Agusta F3 675


สายลึกสายแตกต่างและเหลือจริงจังต้องยกให้กับ MV Agusta F3 675 จะถือได้ว่าเป็น Super Sport ที่เป็นระดับ Highend แบบซื้อมาขับเลยไม่ต้องแต่งอะไรให้มากนัก Agusta ก็คือ Agusta จบในคันเดียว เป็นรถนอกกระแสคนที่จะเล่นนั้นต้องมีใจรักในแบรนด์นี้จริง ถึงจะอยู่ด้วยกันไปอีกนาน


ความ Highend นั้นมีอะไรบ้าง 1.เทคโนโลยีที่ล้ำกว่าใครเพื่อนมีระบบ MVICS มาสารถเปลี่ยนโหมดได้ 4 โหมด Taction Contrl ปรับได้ 8 ระดับ และยังมีระบบ MV EAS (Electronically Assisted Shift) ช่วยเปลี่ยนเกียร์ แบบไม่ต้องกำคลัทช์ เฟรมท่อเหล็กทรงกลมผสมกับอะลูมิเนียม ช่วยให้มีความแข็งแรงและยังมีน้ำหนักที่เบา ตัวถังดีไซน์ออกมาให้มีความสวยงาม


ขุมกำลังของ MV Agusta F3 675 นั้นมาในขนาด3 สูบ 4 จังหวะ 4 วาล์วต่อสูบ ขนาดเครื่องยนต์ที่ให้มาขนาด 675cc ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชัก 79×45.9 มม. อัตราส่วนกำลังอัด 13:1 4  กำลังเครื่องยนต์ที่ได้อยู่ที่ 128 แรงม้า ที่ 14,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 71 นิวตันเมตร ที่ 10,600 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ธรรมดาแบบ 6 สปีด Constant Mesh ระบบจุดระเบิดแบบ Integrated ignition ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด อิเล็คทรอนิคส์ 2 หัวต่อ 1 ลูกสูบ ระบบคลัชมือ ระบบสตาร์ท สตาร์ทไฟฟ้า (มือ) ขนาดรถ (ยาวxกว้างxสูง มม.) 2,060 x 725 x 805 มม. น้ำหนัก 173.00 กก. นี่แหละ Super Sport ระดับ Highend.

โมเดลที่เลือกมาทั้งหมดนี้เป็นการเลือกจากความชอบส่วนตัวทั้งเรื่องของการได้ทดสอบขับขี่และการออกแบบของตัวรถ รวมไปถึงความติดเห็นของสื่อต่างประเทศด้วย ถ้าหากเพื่อน ๆ มีรถคันไหนในพิกัด 600cc รุ่นอื่น ๆ ก็สามารถมาแชร์กันได้เลยครับ


ติดตามข่าวสารวงการมอไซค์ : http://www.mocyc.com
Page Facebook : http://www.facebook.com/MocycThailand
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UC2zealFH63iys1sWHW6xFOg?view_as=subscriber
IG : MocycThailand