3 ขุนพลแห่งค่ายปีกที่ยกทัพบุกไทย ฮอตที่สุด ณ.ตอนนี้

 

3 ขุนพลแห่งค่ายปีกที่ยกทัพบุกไทย ฮอตที่สุด ณ.ตอนนี้

รีวิว Honda CBR Series     

สวัสดีครับเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา พวกเราทีมงาน MOCYC.COM ได้รับเชิญจาก Honda ให้ไปทดสอบ CBR Series ซึ่งขอบอกเลยครับว่าตื่นเต้มมากครับ  ที่ได้ทำการขับขี่และทดสอบอีกครั้งในสนามระดับโลก ยิ่งไปกว่านั้นนานๆทีมีครั้งครับ  ที่ได้ทดสอบขับขี่แบบเต็มรูปแบบในแบบเรสซิ่ง ครั้งนี้ผมได้เตรียมตัวเป็นอย่างดีในการทดสอบครั้งนี้เลยก็ว่าได้ครับ เพราะอยากให้การขับขี่ออกมามีประสิทธิภาพให้ได้มากที่สุดครับ ซึ่งการขับขี่ในแทร็คต้องบอกก่อนว่าต้องเตรียมตัวเยอะกว่าการออกทริปอีกครับ เนื่องจากต้องควบคุมรถเยอะมากกว่าปกติ ทำให้เราต้องใช้ร่างกายในการคุมรถเยอะกว่านั่นเองครับ การทดสอบครั้งนี้ต้องบอกเลยว่า  เข้าทางผมมากๆครับในการทดสอบเพราะคนที่เคยแข่งรถมาก่อนใครๆก็อยากกลับไปขี่อีกครั้งทำให้ไฟในตัวลุกมาอีกครั้งครับ ซึ่งตัวแรกที่ผมได้ทดสอบในครั้งนี้ก็คือ CBR650R ครับ เรียกว่าเป็น ไฮไลท์ของการทดสอบในครั้งนี้เลยครับ โค๊ชฟิลม์ (รัฐภาคย์ วิไลโรจน์) ยังบอกเลยครับว่า ตัวนี้มีอัตราเร่งที่ใกล้เคียงกับ  CBR600RR เลยครับ

 

 

เรามาดูสเป็กของ CBR650R กันดีกว่าครับ

ระบบเกียร์ : เกียร์ธรรมดา 6 สปีด

เครื่องยนต์ : 4 สูบ, DOHC 4 จังหวะ

ระบบระบายความร้อน : น้ำ 

ขนาดเครื่องยนต์ : 649.00 cc.

ระบบจุดระเบิด : Digital Transistorized

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง : หัวฉีด (PGM-Fi)

ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง : 15.4 ลิตร

ระบบกันสะเทือน : โช๊คหน้า Up-Side Down 41 มม. จาก Showa โช๊คหลังเป็นแบบโมโนโช๊ค

ระบบเบรก : ล้อหน้า ดิสก์เบรก (แบบลูกสูบคู่ 320 มม.), ล้อหลัง ดิสก์เบรก (แบบลูกสูบเดี่ยว 240 มม.)

ขนาดยาง : ล้อหน้า 120/70 ZR17 M/C 58W, ล้อหลัง 180/55-ZR17 M/C 73W

ขนาด (ยาวxกว้างxสูง มม.) : 2,145 x 749 x 1,149 มม.

น้ำหนัก : 208.00 กก.

เครื่องยนต์บล็อกสำหรับโมเดลนี้มีการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่อย่างระบบ Assist&Slipper Clutch และระบบ Torque Control หรือที่เรารู้จักกันในชื่อของ Traction Control

และที่สำคัญ มีแทร็คชั่นคอนโทลด้วยครับ ระบบนี้ช่วยได้มากในการขับขี่ในท้องถนนมากครับ

 

 

ฟิลลิ่งด้านการขับขี่ จากที่ผมสัมผัสได้ ในด้านเครื่องยนต์ระหว่างตัวเก่าและตัวใหม่ มีความแตกต่างกันแบบรู้สึกได้เลยครับ สัมผัสแรกที่ได้นั่งคร่อม รถมีน้ำหนักเบากว่าตัวเดิม ท่านั่งดูสปอร์ตมากยิ่งขึ้น

 

 

เดี๋ยวๆๆ นั่งผิดฝั่ง  อย่างที่บอกครับ ท่านั่งสปอร์ตมากยิ่งขึ้น ได้ฟิลลิ่งของรถสปอร์ตมาเยอะเลยครับ ท่านั่งไม่ถึงกับต้องก้มมาก สบายๆไม่เมื่อยเลยครับ

 

 

เวลาหมอบแล้วชิลหน้าอยู่ในระดับสายตาพอดีๆเลยครับ อัตราเร่งของรถทำได้ดีกว่าเดิมเลยครับ รถยังสามารถพลิ๊กรถในโค้งง่ายมากๆครับ เวลาอยู่ในโค้งแล้วเราเดินคันเร่ง Torque Control  ทำงานดีดีเยี่ยมเลยครับ ทำให้เราเปิดคันเร่งได้ไว แต่รอบเครื่องยนต์ค่อยๆไต่ระดับรอบขึ้นไป ถ้าขับขี่ในการออกทริปใช้ได้ดีเลยครับ แต่ถ้าใช้แข่งในสนามอาจจะตอบสนองช้าไปหน่อยสำหรับขับขี่ แต่เราสามารถปิดระบบนี้ได้โดยสัมผัสแค่ปลายนิ้วมือครับ

 

 

ช่วงล่างเดิมๆที่ให้มาจากโรงงานเอาอยู่สบายๆเลยครับ สำหรับผมที่มีน้ำหนัก 77 กิโลกรัม พอดีกับน้ำหนักตัวของผมเลย ไม่ต้องปรับโช๊คอะไรเลย เบรกหน้าที่ให้มาเอาอยู่สบายๆครับ เบรกที่ความเร็ว 222 กิโลเมตร/ชั่วโมง สบายเลย รถเลี้ยวง่ายกว่าเดิมอีกด้วย ท๊อปสปีดที่ทำได้อยู่ที่ 222 กิโลเมตร/ชั่วโมงครับ

เอ็นจิ้นเบรกที่ให้มาถือว่ากำลังดีครับ ไม่ตึงหรือไหลจนเกินไป สมูทมากครับสำหรับ CBR 650 R คันนี้  อ่ออีกหนึ่งอย่างครับ เวลาเราเบรกหนักๆ ไฟผ่าหมากของรถจะติดเองและดับเองครับ ช่วยให้เราปลอดภัยในการขับขี่ในท้องถนนมากยิ่งขึ้นนั่นเองครับ

สำหรับคันที่สองที่ผมได้ขับขี่ต่อเลย นั่นก็คือ รุ่นใหญ่ที่สุดในการทดสอบนี้เลยครับ นั่นก็คือ CBR 1000 RR ตัวที่ผมขี่คือ CBR1000RR EURO SPCE ครับ ซึ่งมีแรงม้ามาเต็มที่เลยครับ

 

 

CBR1000RR มีน้ำหนักที่เบากว่า CBR350R อีกครับ แต่การควบคุมรถต้องบอกเลยว่าเหนื่อยกว่า x 2 เลยครับ เนื่องจากรถแรงกว่า เบากว่า และยังเป็น EURO Spce ที่ให้แรงม้ามาเต็มๆเลยครับ

เครื่องยนต์

4 สูบเรียง 4 จังหวะ DOHC 4 วาล์วต่อลูกสูบ

ขนาดเครื่องยนต์

998 CC.

ระบบระบายความร้อน

น้ำ

กำลังเครื่องยนต์

192 แรงม้า (141 กิโลวัตต์) ที่ 13,000 รอบ/นาที

แรงบิดสูงสุด

114 นิวตันเมตรที่ 11,000 รอบ/นาที

เกียร์

เกียร์ธรรมดา 6 สปีด คลัตช์มือแบบเปียกหลายชั้น

ระบบสตาร์ท

สตาร์ตไฟฟ้า (มือ)

แบบเครื่องยนต์

4 จังหวะ (LIQUID – COOLED INLINE FOUR – CYLINDER)

ระบบจุดระเบิด

DIGITAL TRANSISTORIZED WITH ELECTRONIC ADVANCE

ประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง

เบนซิน 95

ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง

หัวฉีด (PGM – DSFI)

ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิง

16 ลิตร

ระบบกันสะเทือน ล้อหน้า

TELESCOPIC แบบหัวกลับ

ระบบกันสะเทือน ล้อหลัง

UNIT PRO – LINK WITH GAS – CHARGED

ระบบเบรก ล้อหน้า

ดิสก์เบรคคู่

ระบบเบรก ล้อหลัง

ดิสก์เบรกเดี่ยว

แบบวงล้อ

แม็กซ์

ขนาดยาง หน้า

120/70 ZR-17 58W

ขนาดยาง หลัง

180/55 ZR-17 73W

ขนาดรถ(ยาว X กว้าง X สูง มม.)

2,065X 715 X 1,125 มม.

น้ำหนัก

195 กก.

ซึ่ง ตัวธรรมดากับตัว SP ต่างกันที่ช่วงล่าง ถังน้ำมัน และ สีของรถครับ CBR1000RR SP เป็นรถรุ่นแรกที่ใช้ถังน้ำมันเป็นไทเทเนียมและสามารถจดทะเบียนได้ครับ ช่วงล่างของ CBR1000RR SP เป็น Ohlins จากโรงงานเลย เบรกหน้าได้เบรกแบบเรเดียลเม้าส์จาก Brembo มีควิ๊กชิพเตอร์ให้มาอีกด้วยครับ เรียกว่า อ๊อฟชั่นที่ให้มาคือสเป็ครถแข่งเลยครับ

 

 

ฟิลลิ่งในการขับขี่ CBR1000RR  สัมผัสแรกเลยครับ รถเบามาก เบาแบบน่าตกใจเลยครับ คิดในใจอยู่เอาแล้วววว มันส์แน่ๆ ท่านั่งได้ฟิลลิ่งสปอรต์เต็มๆครับ

 

 

พอออกโค้ง 12 มาช่วงเปลี่ยนเกียร์ 2 ไปยังเกียร์ 3 เรียกว่าสับโดดได้เลยครับ มันส์มากครับ ท๊อปสปีดจาก โค้ง 1 ไปยังโค้ง 3 ของสนาม Chang International Circuit ได้ความเร็วอยู่ที่ 276 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเลยครับ ช่วงล่างทำได้ดีมากๆเลยครับ เลี้ยวแบบไม่มีอาการย้วยเลย ยางสายฟ้าที่ติดมากับรถทำให้นอนรถได้เยอะและเปิดคันเร่งได้ไวขึ้นด้วยครับ

 

 

จุดเด่นของ CBR1000RR คือการที่เลี้ยวง่ายขี่ง่ายครับ ซึ่งเครื่องยนต์ที่ใช้เป็น 4 สูบเรียง ทำให้รอบเครื่องสมูทไม่ก้าวร้าวมากครับ CBR1000RR สามารถปรับความแรงของเครื่องยนต์ได้ถึง 5 ระดับ แทร็คชั่นคอนโทลปรับได้ 9 ระดับ เอ็นจิ้นเบรกปรับได้ 3 ระดับ โหมดมี 5 โหมดด้วยกัน โหมด 1-3 เป็นโหมดที่ปรับโดยทั่วไปที่เซ็ทค่ามาจากโรงงาน ส่วนอีก 2 โหมด มีไว้เพื่อสำหรับปรับค่าเซ็ทจูนเครื่อง ซึ่ง 2 โหมดสุดท้ายแล้วแต่ระดับความสามารถของ ยูสเซอร์ในการขับขี่ด้วยครับ ว่าชอบระดับไหน ซึ่ง CBR1000RR ยังมีแกน IMU ติดมาให้ด้วยครับ ซึ่งเมื่อล้อทั้งสองความเร็วไม่เท่ากันกล่องจะสั่งให้ลดทอนกำลังของแรงบิดเพื่อไม่ให้ล้อหลังฟรีหรือสไตล์ตอนเปิดคันเร่งนั่นเอง

 

 

ถ้ากำลังร่ายกายพอ CBR1000RR เป็นอะไรที่ขี่ในสนามมันส์มากๆครับ

รุ่นสุดท้ายที่ผมได้ทำการทดสอบคือน้องเล็กของซีรี่ย์นี้ ที่นำมาเทสในวันนั้นก็คือ CBR500R ครับ

 

 

และนี้คือน้องเล็กของวันที่เราทดสอบกับครับแต่บอกเลยว่า ถึง CC จะน้อยที่สุดแต่บอกได้เลยครับว่าขี่ได้มันส์ที่สุดเช่นกันครับ เรามาดูสเป็กของรถกันดีกว่าครับ

All New Honda CBR500R 2019

  • เริ่มต้นด้วยเครื่องยนต์ลูกเดิม 471cc 2สูบเรียง DOHC4 8วาล์ว
  • ระบายความร้อนด้วยน้ำ
  • ขนาดกระบอกสูบและช่วงชัก 67.0x66.8 mm
  • แรงม้าเพิ่มมา 4%
  • 47.6 แรงม้าที่ 8600 รอบต่อนาที
  • แรงบิด 43 Nm ที่ 6500 รอบต่อนาที
  • หัวฉีด PGM-FI
  • อัตราส่วนกำลังอัด 10.7 : 1
  • ถังน้ำมัน 17.1 ลิตร
  • น้ำหนักรวมของเหลว 192 กิโลกรัม ลดจากตัวเก่า 2 กิโล
  • ยาว 2080mm กว้าง 755mm สูง 1145mm
  • จานเบรกหน้า 320mm
  • จานเบรกหลัง 240mm
  • ล้อหน้า 120/70ZR17
  • ล้อหลัง 160/60ZR17

 

ดีไซน์ของรถออกแบบมาให้ดูสปอร์ตมายิ่งขึ้นเลยครับ สัมผัสแรกที่ได้คร่อมรถ คือแบบว่า ขนาดพอดีมากเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นท่านั่งลงตัวกับผมมากครับ น้ำหนักเบา

 

 

เวลาหมอบให้ความรู้สึกที่พอดีกับช่วงรถมากเลย (ผมสูง 177 CM.) รถมีน้ำหนักเบา เลี้ยวง่ายกว่าเดิม รถมี CG ที่ต่ำกว่าตัวเก่าครับ ช่วงล่างที่ให้มาจากโรงงานเอาอยู่สบายมากเลยครับ โค้ง 4 สนามช้าง ใช้ความเร็วในโค้งที่ 180 กม./ชั่วโมง เอาอยู่สบายๆเลยครับผม อัตราเร่งก็สามารถตอบสนองคันเร่งได้ดีเลยครับ ความเร็วสุงสุดที่ทำได้อยู่ที่ 180 กิโลเมตร/ชั่วโมงครับ เอ็นจิ้นเบรกของรถมีแบบพอดีๆ ไม่กระชากเกินไป ยางที่ติดมากับรถเอาอยู่สบายๆครับ เปิดคันเร่งได้เต็มที่เลย CBR500R เหมาะสำหรับคนที่เริ่มตนขับขี่เป็นอย่างมากครับ ซึ่งรถขี่ง่าย แรงบิดพอดีๆ เหมาะกับการขับขี่ในเมือง หรือว่าออกทริปก็ใช้ได้ดีเลยครับ

 

 

สำหรับใครที่สนใจรถ Honda สามารถเข้าไปดูได้ที่ Honda Bigwing ใกล้บ้านท่านได้เลยครับ

 

 

ขอขอบคุณ Honda ที่ชวนพวกเราทีมงาน Mocyc.com เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้

#Paddock
#320SP
#Mocyc.com
#Hondabigbike
#CBR500R
#CBR650R
#CBR1000RR
#ชีวิตบิ๊กไบค์เริ่มต้นที่500ซีซี

ติดตามข่าวสารวงการมอไซค์ : http://www.mocyc.com
Page Facebook : http://www.facebook.com/MocycThailand