เจาะลึกรายละเอียด GSX-R150 สปอร์ตไบค์น้องใหม่จาก Suzuki

 

            หลังจากที่มีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้วในงาน Motor Show 2017 สำหรับน้องเล็กตระกูล GSX จากค่าย Suzuki อย่าง GSX-R150 คันนี้ โดยทั้งตระกูลจะเน้นในเรื่องของรถที่มีน้ำหนักเบา และมีประสิทธิภาพที่แรงที่สุดเมื่อเทียบกับรถในคลาสเดียวกัน ในวันนี้ ทาง Mocyc.com จะพาเพื่อนๆ ทุกคนไปเจาะกันลึกๆเลยครับว่าคันนี้มันดีอย่างไร

 

            จุดเด่นของ GSX-R150 คันนี้ก็คือความสมดุลของรถในความเร็วที่สูง การเข้าโค้งที่ฉับไว เฉียบคม และคล่องตัวแม้ในเวลาที่รถหนาแน่น ผลประโยชน์เหล่านี้ได้มาจากช่วงล่าง และโครงที่มีน้ำหนักเบา ตามมาด้วยระยะห่างของล้อหน้าหลัง 1300มม. และน้ำหนักเพียงแค่ 134 กก. เท่านั้น รูปทรง และดีไซน์ที่ทำออกมานั้นเป็นแนวสปอร์ตแบบสุดๆ

 

             GSX-R150 ได้รับการออกแบบ และพัฒนาในอุโมงค์ลมตามหลักอากาศพลศาสตร์ เพื่อให้มีรูปลักษณ์ที่ปราดเปรียวสวยงาม และอากาศไหลผ่านได้ดีขณะ ขับขี่ ทำให้มีสมรรถนะที่ดีเยี่ยมในการบังคับ และควบคุมรถ

 

            โครงสร้างตัวถังของรถได้ถูกออกแบบให้มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา แต่ยังคงความแข็งแกร่ง อากาศสามารถไหลผ่านตัวรถ และลดแรงลมปะทะได้อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีอัตราเร่งที่ดี พร้อมอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ต่ำกว่า เมื่อเปรียบเทียบกับรถจักรยานยนต์ในคลาสเดียวกัน

 

             Suzuki GSX-R150 มาด้วยเครื่องยนต์แบบ DOHC 4 วาล์ว ขนาด 150 ซีซี พร้อมระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ และมีกำลังของเครื่องยนต์สูงสุดเมื่อเทียบกับรถจักรยานยนต์ในคลาส 150 ซีซี ให้แรงม้ามาอยู่ที่ 18.6bhp และทอร์คหรือว่าแรงบิดสูงสุดนั้นอยู่ที่ 14 นิวตันเมตร 10,500 รอบต่อนาที 

 

              ซึ่งเครื่องยนต์จะคล้ายกับ GSX-R600 ซึ่งมีเสื้อสูบที่ใหญ่ถึง 62มม. ลูกสูบ 41.2มม. เพื่อเพิ่มอัตราการเผาไหม้ที่ดีกว่าเดิม ในขณะที่ช่วงชักจะสั้นลงเพื่อเน้นรอบกลาง และปลายเป็นหลัก ระบบระบายความร้อนด้วยน้ำกับกรองอาการที่ใหญ่ทำให้รถสามารถรักษาอุณหภูมิไว้ในระดับปกติได้ จึงทำให้มีสมรรถนะกำลังที่คงที่ และใช้ประสิทธิภาพจากน้ำมันที่จ่ายได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้ผู้ขับขี่สนุกกับการขับขี่บนถนนจริงได้อย่างสูงสุด

 

                ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิง Suzuki GSX-R150 ของเครื่องยนต์ทำงานร่วมกันกับกล่องสมองกลอัจฉริยะ (ECU) และเซ็นเซอร์ (Sensor) ถึง 6 จุด และส่งผ่านน้ำมันเชื้อเพลิง ด้วยหัวฉีดที่มีรูจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบ 10 รู เพื่อให้การเผาไหม้ที่สมบูรณ์แบบ

 

                Suzuki GSX-R150 ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์แบบ Manual 6 สปีด

 

                ระบบดิสก์เบรกหน้า และหลังของ GSX-150 ด้วยจานดิสก์หน้าขนาดใหญ่พิเศษ 290 มม. พร้อมล้อแม็กขนาด 17 นิ้ว ที่มีน้ำหนักเบาแบบ 10 ก้าน รัดด้วยยาง IRC แบบ Tubeless ที่ได้รับการพัฒนาร่วมกับ ซูซูกิ เพื่อรองรับสมรรถนะในการขับขี่ที่ดีเยี่ยมบนถนนทางตรง และสามารถเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจ

 

                 เบาะนั่งทรงสปอร์ตแบบ 2 ชั้น เพิ่มลุคทรงสปอร์ตมากยิ่งขึ้น เหมาะกับสรีระของผู้ขับขี่ ด้วยการดีไซน์ความสูงของเบาะนั่งให้ต่ำโดยมีความสูงของเบาะนั่งเพียง 785 มม.  ทำให้ตำแหน่งการนั่งไม่เมื่อยล้าในขณะที่ขับขี่ 

 

                 ท่อไอเสียถูกออกแบบให้มีความสปอร์ต เช่นเดียวกับ ซูซูกิ GSX-R1000 ด้วยการถอดแบบมาจากรถจักรยานยนต์รุ่นพี่ ขายึดที่พักเท้าหลัง แบบแยกชิ้น จึงได้ถูกนำมาติดตั้ง เมื่อรถเกิดการเสียหายจากการล้ม สามารถเปลี่ยนขายึดที่พักเท้าเท่านั้นซึ่งไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนเฟรมตัวถังทั้งเฟรม 

 

                  ในส่วนของระบบกันสะเทือนนั้นด้านหน้าเป็นแบบเทเลสโคปิกและด้านหลังเป็นแบบโมโน 

 

                  ระบบ Keyless หรือเรียกแบบไทยก็คือสตาร์ทโดยไม่ต้องใช้กุญแจ ที่เพิ่มเข้ามาในรถคันนี้จะช่วยให้สตาร์ทรถได้ง่ายขึ้นโดยไม่ต้องควานหากุญแจในกระเป๋า ขอเพียงอยู่ในรัศมีก็สามารถกดปุ่มสตาร์ทเครื่องได้เลย ส่วนของดีอย่างอย่างที่มีมาให้ก็คือระบบ Answer Back โดยจะมีรีโมทมาให้หนึ่งอัน เมื่อกดแล้วไฟเลี้ยวด้านหลังของรถจะกระพริบ ทำให้ง่ายต่อการหารถของคุณในลานจอดรถที่เต็มไปด้วยมอเตอร์ไซค์คันอื่นๆ

 

                  มาถึงหน้าจอ LCD กันบ้าง ซึ่งถอดแบบมาจากรถ ซูซูกิ บิ๊กไบค์รุ่นพี่ได้อย่างลงตัว ที่เพรียบพร้อมไปด้วยฟังก์ชั่นต่างๆ และไฟบอกสถานะต่างๆนาๆดูทันสมัยเหมือนรถยนต์ไม่มีผิด ทั้งไฟเลี้ยว เกียร์ว่าง ไฟสูง ไฟอุณหภูมิ ไฟเตือนเครื่องยนต์มีปัญหา เรียกได้ว่าครบครันจริงๆ

 

                  ไฟหน้าแนวตั้งแบบ LED ถอดแบบดีไซน์ที่นำมาจาก GSX-R ซีรีย์ เพิ่มลุคความสปอร์ตอย่างเต็มที่ และให้แสงสว่างที่ชัดเจนในยามค่ำคืน 

 

               เมื่อลองวิเคราะห์สมรรถนะของ GSX-R150 แล้วจะรู้สึกได้เลยว่าเป็นรถสปอร์ตขนาดเล็กที่น่าเล่นมากๆ เพราะมีทุกอย่างเพรียบพร้อมไปหมด รวมไปถึงน้ำหนักที่เบา ดูปราดเปรียว สำหรับขับขี่ในเมือง ทั้งประหยัดน้ำมัน และมีเทคโนโลยีใหม่ๆ มาให้หมดทุกอย่าง มีทั้งหมด 3 สีด้วยกัน ได้แก่ สีน้ำเงิน (YSF), สีดำ (291) และสีแดง (APM) และมาพร้อมราคาสุดพิเศษที่น่าจับจองมากๆเพียง 84,900 บาท เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคาสุดๆ