ส่งพัสดุไปญี่ปุ่นราคาแพงไหม ? มีระเบียบอะไรบ้างที่ควรรู้

  • จิปาถะ อื่นๆ
  • nenechan
  • 0
  • 02 ก.ค. 2568 17:25
  • 125.25.38.***

 

สำหรับใครที่ต้องการส่งพัสดุไปญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นของฝากให้เพื่อน คนในครอบครัว หรือเพื่อทำธุรกิจ การรู้ค่าใช้จ่ายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะนอกจากจะช่วยวางแผนค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้น ยังช่วยป้องกันไม่ให้พัสดุของคุณถูกตีกลับหรือถูกยึดอีกด้วย บทความนี้จะพาไปเจาะลึกคำถามยอดฮิต ส่งพัสดุไปญี่ปุ่นราคาแพงไหม ? พร้อมแนะนำสิ่งที่ควรรู้ก่อนจัดส่งอย่างละเอียด

 

 

ส่งพัสดุไปญี่ปุ่นราคาแพงไหม ? ขึ้นอยู่กับปัจจัยอะไรบ้าง

ในการจัดส่งพัสดุไปญี่ปุ่น ราคาจะไม่ได้ตายตัว แต่ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น

- น้ำหนักและขนาดของพัสดุ พัสดุที่มีน้ำหนักมากหรือกล่องขนาดใหญ่จะมีราคาสูงกว่าพัสดุขนาดเล็กและน้ำหนักเบา

- ประเภทการจัดส่ง หากเลือกส่งแบบด่วน (EMS หรือ Courier เช่น DHL, FedEx) ราคาจะสูงกว่าการส่งแบบธรรมดาหรือ SAL (Surface Air Lifted)

- ปลายทางในประเทศญี่ปุ่น เมืองใหญ่เช่นโตเกียว โอซาก้า มักได้รับการจัดส่งที่รวดเร็วกว่าเมืองเล็ก ทำให้บางบริษัทมีอัตราค่าบริการที่แตกต่างกัน

- บริการเสริมอื่น ๆ เช่น การประกันสินค้า การเก็บเงินปลายทาง หรือการติดตามสถานะพัสดุ

 

ส่งพัสดุไปญี่ปุ่น ราคาโดยประมาณ 

- EMS น้ำหนัก 1 กิโลกรัม เริ่มต้นที่ประมาณ 900–1,200 บาท

- พัสดุย่อย SAL ประมาณ 400–600 บาท

- Courier อย่าง DHL หรือ FedEx เริ่มต้นที่ประมาณ 1,300–2,000 บาท (ขึ้นอยู่กับโปรโมชันและเงื่อนไข)

 

ระเบียบการส่งพัสดุไปญี่ปุ่นที่ควรรู้

การส่งของข้ามประเทศย่อมมีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวด โดยเฉพาะญี่ปุ่นซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความละเอียดรอบคอบและมีมาตรการทางศุลกากรที่เข้มงวด ดังนั้นควรศึกษากฎต่อไปนี้ก่อนจัดส่งพัสดุ

1. รายการสิ่งของต้องห้ามนำเข้า

ของบางประเภทไม่สามารถส่งไปญี่ปุ่นได้ เช่น

- อาวุธ ยาเสพติด และสิ่งเสพติดทุกประเภท

- พืชหรือสัตว์บางชนิดที่อาจมีความเสี่ยงต่อระบบนิเวศ

- อาหารแปรรูปบางประเภท เช่น เนื้อสัตว์แปรรูป ถ้ายังไม่ผ่านการรับรองจากหน่วยงานอาหารและยา

- สินค้าละเมิดลิขสิทธิ์ เช่น ของปลอม เครื่องสำอางหรือกระเป๋าแบรนด์ที่ไม่แท้

 

2. เอกสารประกอบการจัดส่ง

เมื่อส่งพัสดุไปต่างประเทศ จำเป็นต้องกรอกเอกสารต่อไปนี้ให้ครบถ้วน

           - แบบฟอร์มศุลกากร (Customs Declaration)

- ใบเสร็จหรือรายละเอียดสินค้าที่จัดส่ง

- สำเนาบัตรประชาชน/หนังสือเดินทาง (กรณีใช้บริการผ่านบริษัทเอกชน)

3. การเสียภาษีศุลกากรในญี่ปุ่น

ผู้รับอาจต้องเสียภาษีนำเข้า ขึ้นอยู่กับมูลค่าสินค้าและประเภทสินค้า หากส่งของในมูลค่าสูง ควรแจ้งให้ผู้รับทราบล่วงหน้า

4. การบรรจุหีบห่อ

ควรแพ็กของให้แน่นหนา ป้องกันการกระแทก และระบุชื่อ-ที่อยู่ทั้งผู้ส่งและผู้รับอย่างชัดเจน หากเป็นของแตกหักง่าย ควรติดป้าย “Fragile” ให้เห็นเด่นชัด

 

ส่งของไปญี่ปุ่นง่ายขึ้น หากวางแผนดี

หากคุณต้องส่งของเป็นประจำ เช่น ส่งสินค้าไปให้ลูกค้าญี่ปุ่น การเลือกผู้ให้บริการที่เชี่ยวชาญด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศจะช่วยให้คุณประหยัดเวลา ค่าใช้จ่าย และลดความเสี่ยงจากปัญหาพัสดุตีกลับหรือสูญหาย


 

การส่งพัสดุไปญี่ปุ่นราคาไม่จำเป็นต้องแพงเสมอไป หากคุณเลือกบริการที่เหมาะสมกับความต้องการ เช่น การส่งแบบธรรมดา น้ำหนักเบา และไม่มีบริการเสริม ค่าใช้จ่ายอาจอยู่ในหลักร้อยเท่านั้น แต่ถ้าเป็นการส่งแบบด่วน หรือส่งของมูลค่าสูง ก็อาจต้องเผื่องบไว้มากขึ้น

ก่อนส่งทุกครั้ง อย่าลืมตรวจสอบรายการของต้องห้าม กรอกเอกสารให้ถูกต้อง และศึกษากฎศุลกากรของญี่ปุ่นให้ดี เพื่อให้พัสดุของคุณเดินทางถึงปลายทางได้อย่างปลอดภัยและไม่ติดปัญหากลางทาง