ประกัน รถยนต์ ชั้น 1 เป็นประกันที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้แม้ว่าจะต้องจ่ายค่าเบี้ยประกันสูงกว่าประกันชั้นอื่นก็ตาม เหตุผลคืออะไร ทำไมคนที่เลือกประกันชั้นนี้จึงยอมจ่ายแพงกว่า

การทำประกันชั้น 1 เป็นที่นิยมมากที่สุด มากกว่า ประกัน ชั้น 2 และชั้น 3 เพราะมีขัอดีคือ
ให้ความคุ้มครองรถยนต์ ไม่ว่าทั้งฝ่ายผู้ขับขี่ และคู่กรณี โดยครอบคลุมความสูญเสียต่อรถและบุคคล รวมไปถึงทรัพย์สิน และเรื่องที่ส่งผลต่อสุขอนามัยของบุคคลในทุกกรณีไม่ว่า ความเสียหายนั้นจะเกิดจากการเฉี่ยวหรือชนกันบนท้องถนน อุบัติเหตุทุกรูปแบบ ความเสียหายจากเหตุไฟไหม้ น้ำท่วม ภัยธรรมชาติต่าง ๆ รวมไปถึงการก่อการร้าย
ชนแล้วหนี ประกันรถยนต์ ชั้น 1 (เพิ่มเติม: https://www.add-digital.co.th/motor/flexidrive) ก็ยอมจ่าย แม้ไม่มีคู่กรณีก็สามารถเคลมประกันได้ 
คุ้มครองกรณีเกิดความเสียหายต่อตัวรถและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ด้วย (แต่ต้องแจ้งก่อนการทำประกันว่ามีอุปกรณ์ใดบ้าง) 
ครอบคลุมกรณีรถหาย ถูกขโมยเคลมได้ เหมาะกับรถใหม่รุ่นที่เสี่ยงต่อการถูกโจรกรรม
ทุนประกันสูงเกือบเท่าราคารถยนต์ 

เทียบ ประกัน รถยนต์ ชั้น 1 กับประกันชั้นอื่น
นอกจากประกันชั้น 1 แล้ว ยังมีประกันชั้น 2+, ชั้น 2, ประกันชั้น 3+ และ ประกัน ชั้น 3 แต่ละแบบต่างกันคือ
ประกันชั้น 2+ คุ้มครองทั้งบุคคลและทรัพย์สินของทั้งสองฝ่าย โดยต้องเป็นเหตุการชนกับยานพาหนะทางบกเท่านั้น และต้องมีคู่กรณีด้วย เช่น ถ้าคู่กรณีเป็นรถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ รถพ่วง รถไฟ รถราง ประกันชั้นนี้จะซ่อมให้ทั้งรถของเราและคู่กรณี และยังคุ้มครองกรณีรถยนต์สูญหายและเกิดเหตุไฟไหม้ด้วย
ประกัน ชั้น 2 นอกจากคุ้มครองความรับผิดต่อชีวิต ร่างกาย อนามัยของบุคคลภายนอกและผู้โดยสารในรถเราแล้ว ยังคุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลภายนอกด้วย แต่จะคุ้มครองรถยนต์เราแค่ในกรณีรถหายหรือไฟไหม้เท่านั้น หากขับไปเฉี่ยวชนสิ่งต่าง ๆ หรือชนกับรถยนต์ ชนกำแพง ประกันจะคุ้มครองค่าซ่อมรถยนต์และทรัพย์สินให้คู่กรณีเท่านั้น แต่ไม่คุ้มครองค่าซ่อมรถของเรา ดังนั้น ประกัน ชั้น 2 จึงเหมาะกับคนที่ไม่ค่อยได้ใช้งานรถบ่อย ๆ หรือใช้รถบ้างในระยะทางใกล้ ๆ ขับไม่เร็ว 
ประกัน ชั้น 3+ และ ประกันชั้น 3 ทั้งสองแบบนี้ไม่คุ้มครองกรณีรถยนต์สูญหายและเกิดเหตุไฟไหม้ โดย 3 กับ 3+ มีข้อแตกต่างเพียงเล็กน้อย คือประกันรถชั้น 3+ จะคุ้มครองบุคคลและรถยนต์ของทั้งสองฝ่าย คือเคลมค่าซ่อมรถยนต์ของเราได้เฉพาะกรณีอุบัติเหตุรถชนกับยานพาหนะทางบกและมีคู่กรณีเท่านั้น ส่วนชั้น 3 นั้นคุ้มครองบุคคลทั้งสองฝ่าย แต่จะคุ้มครองค่าซ่อมรถยนต์และทรัพย์สินของคู่กรณีเท่านั้น ถ้าเราเป็นฝ่ายผิดไปชนคู่กรณี ก็ต้องออกค่าซ่อมรถของเราเอง เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ค่อยใช้รถเช่นกัน หรือชำนาญในการขับรถยนต์มากเพียงพอ และถ้าหากว่าใครที่ต้องการประหยัดเงินค่าเบี้ยประกัน ไม่อยากจ่ายแพงมาก การเลือก ประกัน ชั้น 3 ก็เป็นทางเลือกที่เหมาะสม

แต่หากท่านต้องการประกันที่อุ่นใจและคุ้มครองครอบคลุมที่สุดและรถยนต์อายุยังไม่เกิน 7 ปี ก็เลือก ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 (เพิ่มเติม: https://www.add-digital.co.th/motor/flexidrive) ได้เลย แต่จะประหยัดได้มากถ้าเลือกประกันขับดี FlexiDrive จาก AIS Insurance Service เพราะเป็นการทำประกันภัยรถยนต์แบบคิดค่าเบี้ยตามการขับขี่จริง และคุ้มครองทุกกรณี

ที่มาข้อมูล 
https://www.carsome.co.th/news/item/car-tips-car-insurance
https://www.autospinn.com/2023/03/car-insurance-car-insurance-2-car-insurance-2-94012
https://www.tlt.co.th/news_detail/e2G6ROELR8