ยังมีหน้าไปสอนเขาอีก

  • ปัญหาเรื่องรถและการใช้งาน
  • สนิม 177
  • 0
  • 10 ก.พ. 2564 11:10
  • 49.228.42.***

ในวันที่เจอตนเองว่า “ยังมีหน้าไปสอนเขาอีก..”

By SirichaiwattJune 29, 2020 Home » บทความดีๆ» การพัฒนาตัวเอง Think+ » เปลี่ยนแปลงทัศนคติ » ในวันที่เจอตนเองว่า “ยังมีหน้าไปสอนเขาอีก..”

ธรรมชาติของคนไม่ใช่น้อย รวมทั้งผมเมื่อก่อน เป็นในเวลาที่พวกเรามองเห็นอะไรผิดจำต้อง พวกเราย่อมหนักใจ ต้องการแสดงออกบางสิ่ง จนถึงว่า บอก สอน บอกในสิ่งที่ถูกให้อีกข้างได้รับทราบ ซึ่งหลายๆครั้ง มันก็เป็นเพียงแค่สิ่งที่พวกเรา “มีความรู้สึกว่าถูก” โดยที่มันถูกจริงๆหรือไม่ไม่รู้จัก…

 

แม้ว่าจะตู่เอาว่า พวกเรามีประสบการณ์ประเด็นนั้นมาแล้ว ประสบพบเห็นประเด็นนั้นมาแล้ว แม้กระนั้นทราบไหม การเห็นสิ่งบ่อยๆสามารถฝังพวกเราให้มั่นใจว่าโน่นเกิดเรื่องที่ถูกได้ โดยที่ถ้าเกิดพิจารณาให้ดี นี่บางทีอาจเป็นเพียงแค่ “ความเป็นไปได้” ใช่จะ “ถูกเสมอ” บนเหตุอันนานับประการอีกหลายแบบของบุคคลอื่นเขาที่พวกเราคิดจะสอน..

 

แน่ๆว่า เมื่อพวกเราประสบพบเห็นในความไม่ถูกต้อง หรือเปล่าชอบใจ ขัดใจ ใดๆ ถ้าว่ากันเพียงแค่ “เจตนา” แล้ว ส่วนมากการไปบอก สอน เตือน แย้ง ต่างๆเกิดเรื่องที่ดี อยู่บนเบื้องต้นความเอื้อเฟื้อ ต่อกัน เนื่องจากว่าหากเป็นคนไม่ทราบกัน พวกเราก็มักไม่บอก ไม่สอน ดังต่อไปนี้โดยมากการไปบอกสอนผู้ใดกัน ล้วนย่อมอยู่ในเบื้องต้นของเจตนาดีต่อเขา แต่ทว่าในเจตนาดีนั้น ผลสรุปไม่เคยเท่าเจตนา..

 

อนึ่งคำว่า “สอน” ในเนื้อหานี้ หมายความว่าการสอนสั่ง ไม่ใช่การสอนแบบ How to ครับ ที่เป็นการสอนแนวทางการ วิธีการมันคนละเรื่องกัน การสอนในที่นี้ บางทีอาจเรียกว่าเสนอแนะ ชี้ทาง ติเตียน ยกตัวอย่างเช่นเรื่อง เกี่ยวกับเรื่องชีวิต การตัดสินใจ คิด หรือทำอะไรของคนอื่นๆ

 

กลับมาย้ำตรงที่ผมกล่าวว่า เมื่อเจตนาสอนดี แต่ว่าคำตอบไม่เคยเท่าเจตนา พูดอีกนัยหนึ่ง ถึงแม้เขาจะทราบว่าคุณมีเจตนาดีแค่ไหน แม้กระนั้นมันมีสาเหตุมากจนเกินความจำเป็นที่ทำให้เขาไม่เชื่อพวกเรา (เสมือนที่พวกเราไม่เชื่อผู้ใดกันกล้วยๆเช่นเดียวกัน) ดังต่อไปนี้

 

เขาไม่เชื่อ ด้วยเหตุว่าพวกเราไม่น่าเชื่อ

มีหลายๆต้นสายปลายเหตุที่ทำให้เขาไม่เชื่อ ในสิ่งที่พวกเราบอก, สอน แม้ว่าจะถูกหรือเป็นจริงแค่ไหนก็ เหตุหนึ่งที่ผมจะทดลองให้ตรองมองเป็น “เนื่องจากว่าพวกเราทำอะไรมิได้ดีมากยิ่งกว่าเขา” เขาก็เลยไม่เชื่อ ในที่นี้เป็นผลสรุปที่มองเห็นกันอะไรบางอย่าง ดังเช่น ฐานะทางการเงิน, สังคมและก็ด้านอื่น เสมอภาคหรือด้อยกว่า การเรียนรู้, หน้าที่การงาน มิได้ดีมากยิ่งกว่า เขาก็เลยเห็นว่า ถ้าเกิดพวกเราคิดได้เหนือกว่า ทำเป็นดียิ่งกว่า อะไรๆก็จะต้องดีมากกว่าเขาไปแล้ว ก็เลยไม่จำเป็นที่ต้องเชื่อ ตัวอย่างเช่นจะ ให้คนจบมัธยม สอนหนังสือ นิสิตมหาลัย อาจมีบางเรื่องที่ทำเป็น แม้กระนั้นโดยมากพวกเราก็ไม่รับ นี่เป็นธรรมชาติ แม้กระนั้นถ้าเกิดพวกเราคิดว่า การที่เขาคิด รู้สึกแบบนี้ ผิดนัก หลายเรื่องมิได้วัดเพียงแค่ที่ตรงนั้น มันก็ถูกในมุม “ของพวกเรา” แม้กระนั้นมันมิได้แสดงว่ามันถูกในมุม “ของเขา” หรือเขาจำเป็นจะต้องสารภาพไม่ใช่หรือ

 

เขาไม่เชื่อ เพราะเหตุว่าพวกเราไม่ใช่เขา

ถ้าหากกล่าวต่อจากข้อก่อนหน้าที่ผ่านมา เขาไม่เชื่อเนื่องจากเห็นว่าพวกเราไม่ได้มีอะไรดีมากเกินกว่าเขา ในอีกด้าน พวกเราอาจจะเป็นไปได้ว่าจะมีหลายแบบ หรือด้านที่เกี่ยวเนื่องกับประเด็นนั้น ดียิ่งกว่าเขา แม้กระนั้นก็ยังไม่เชื่อ เพราะเหตุว่าเขาก็มองดูได้อีกว่า “ด้วยเหตุว่าพวกเราดีมากยิ่งกว่าเขายังไง” พวกเราก็เลยไม่รู้เรื่อง ไม่รู้เรื่องถึงเหตุการณ์ของเขา หรือถึงทราบเนื่องจากว่ามีหลายสิ่งดีมากยิ่งกว่าพวกเราก็เลยไขปัญหาได้ รวมทั้งไม่มีทางเป็นแบบเขาหรอก ยกตัวอย่างที่เด่นชัดสักแบบหนึ่ง อย่างเช่น พวกเรามีการเรียนสูงขึ้นมากยิ่งกว่า เมื่อเขาไม่มีงานทำ พวกเราก็บอกเขาว่า หางานทำง่ายๆหรอก เขาก็จะคิดว่า เนื่องจากพวกเราจบสูงขึ้นยิ่งกว่าเลยคิดแบบงี้ อันที่จริงไม่มีผู้ใดทราบหรอกว่าจะได้งานยากหรือง่าย แม้กระนั้นมันเป็นเพียงแค่ทัศนคติแบบหนึ่งเพียงเท่านั้น หรือ พวกเรามีฐานะทางการเงินดีมากกว่า เขาก็จะมีความคิดว่า เนื่องจากพวกเรามีเงินพวกเราจะขจัดปัญหาทั้งหมดทุกอย่างได้ ซึ่งส่วนใดส่วนหนึ่งพวกเราก็มิได้มั่งมีขนาดนั้น แล้วก็เงินก็มิได้ขจัดปัญหาได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ดังนี้ยังอีกหลายสาเหตุพวกเราก็เคยจะต้องผ่านจุดนั้นที่เขากำลังเผชิญมา แม้กระนั้นเขาจะดูเพียงแค่ตอนนี้ว่า พวกเราดียิ่งกว่าเขา พวกเราไม่รู้เรื่องเขาหรอก ถ้าหากพวกเราเป็นเขาพวกเราก็ทำไม่ได้หรอก.. ทำนองนั้นไป..

 

เขาเชื่อ แต่ว่าเชื่อบุคคลอื่นด้วย

ต่อไปนี้ก็มีอีกแบบ ที่เขามองเชื่อพวกเราในสิ่งที่บอกสอน ชี้แนะ แม้กระนั้น.. เขาก็อยากได้ความเชื่อมั่น ก็เลยไปขอความเห็นชอบที่ 2 หรือความเห็นที่อื่นๆอีก (มันก็ไม่ผิดนะ) แต่ว่าเอ.. อย่างงี้เขาเชื่อจริงไหมนะ กรณีนี้ บางครั้งบางคราวข้อเสนอของพวกเรา โดยรายละเอียดอาจมีความบางทีอาจน่าไว้วางใจ แต่ว่าตัวตนพวกเราในสายตาเขายังไม่น่าเชื่อถือพอเพียง หรือตรงกันข้ามเป็น ตัวตนพวกเราน่าไว้ใจ แต่ว่าข้อแนะนำกลับทำให้เขายังไม่มั่นใจ มันก็บางครั้งก็อาจจะเป็นได้ที่มันมองไกลตัวเขากระทั่งเขายังไม่มั่นใจ หรือเหตุผลอื่น แม้กระนั้นโดยรวมเขาก็เชื่อแล้วก็ฟัง แม้กระนั้นไปขอคำแนะนำผู้อื่นต่ออีก ซึ่งหากสิ่งที่บุคคลอื่นบอกมันเป็นไปในทางเดียวกันกับพวกเรา มันก็จะไปในทางนั้น แต่ว่าหากข้อแนะนำผู้อื่นลบล้างสิ่งที่พวกเราชี้แนะ พอๆกับว่า จากเชื่อก็แปลงเป็นไม่เชื่อ หรือไม่ก็ยังเชื่ออยู่ แม้กระนั้นเชื่อน้อยกว่าอีกคนเสียแล้ว ซึ่งคนใดกันแน่จะถูกหรือไม่ถูกก็เรื่องหนึ่ง แต่ว่าก็อดสงสัยมิได้ว่า แล้วจะถามพวกเราให้ (ตั้งอกตั้งใจ) ตอบไปเพราะเหตุไร..

 

เขาไม่เชื่อ เพราะเหตุว่าไม่เชื่อ.. (ผิดหัวใจ)

“ความเลื่อมใส” ผมพูดเฉไฉมอว่า เป็นดาบสองคม การที่พวกเราไม่เชื่อในสิ่งใดเลย ก็ไม่ดี เชื่อทุกสิ่งทุกอย่างย่อมไม่ดีเช่นเดียวกัน ที่น่าขนลุกเป็นเชื่อในสิ่งที่ผิดแบบฝังใจ สำหรับในประเด็นนี้ นับว่าเป็นความศรัทธาที่ขัดแย้ง หลายสิ่ง หลายเรื่องเป็นมากกว่าเพียงแค่ความ ถูก จะว่าความถูกอกถูกใจก็ไม่เชิง แม้กระนั้นหลายสาเหตุก็ใช่ ถ้าสิ่งที่บอกสอนนั้นมันไม่ตรงจิตใจ ตรงจริต ความเชื่อถือของเขา เขาก็ไม่เชื่อ ตัวอย่างเช่น เอาวิทยาศาสตร์ กับ ไสยเวท มาสอนเตือนกัน มันก็จะไปคนละทาง อันนี้แบบอย่างที่เห็นได้ชัด แต่ว่าตามความเป็นจริง ความศรัทธาบางสิ่งมันวิจิตรบรรจงกว่านี้มากมาย มันก็เลยทำให้เขาไม่เห็นพ้อง ซึ่งในมุมหนึ่ง เสมือนที่บอกไปช่วงแรก การที่เขาไม่เชื่อพวกเรานั้น มันบางทีอาจเป็นพวกเราที่เชื่อไม่ถูกๆอยู่เองก็เป็นไปได้นะ ได้แก่ พวกเราเชื่อเรื่อง ฮวงจุุ้ย จัดบ้าน ไม่ว่าจะมุมศาสตร์ หรือจิตวิทยาก็ตาม แม้กระนั้นเขาเห็นว่ามันไกลตัวกับงานการ ชีวิต เขาย่อมไม่เชื่อ ด้วยเหตุว่าไม่ใช่หนทางเขา ซึ่งมันก็ยากจะบ่งชัดว่า พวกเราหรือเขาที่เป็นข้างถูก..

 

เขาเชื่อแม้กระนั้นลืม…

ย้ำทวนก่อนว่า ผมกำลังเอ๋ยถึง การสอนคนไหนกันแน่แล้ว คำตอบไม่เท่าเจตนา อีกมุมหนึ่งนั้นเป็น เขาเชื่อ รวมทั้งฟัง แม้กระนั้นคราวหน้าเขาก็ลืม ว่ากันตรงๆแล้วในมุมนี้ บางทีอาจด้วยเหตุว่าพวกเรา หรืออาจารย์ตู่เอาเองว่า สิ่งที่สอนบอกไปนั้นควรจะมีค่า บางบุคคลมองดูไปเคราะห์ดีคุณโน่นเลยแต่ว่าไม่ใช่เลยนะครับ มันมีหลายเหตุผลที่เขา “ราวกับเชื่อ” ตัวอย่างเช่น เขาเพียงแค่ต้องการรักษาชมรมกับคุณ ต้องการที่จะให้คุณมีส่วนร่วมกับเขา ต้องการที่จะให้มีความคิดว่าเป็นเพื่อนเขา เขาก็เลยเพราะรักษาสิ่งพวกนี้ไว้

 

ในอีกส่วนอาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพราะ ปัญหานั้นมิได้ทำให้เขาลำบากเป็นจริงเป็นจังอะไร เขาเพียงแค่เป็นคนจุกจิกจู้จี้หรือเพียงแค่ “ต้องการระบาย” แม้กระนั้นพวกเราเป็นคนตั้งใจเอาจริงเอาจัง พอเพียงเขามากล่าวให้ฟัง พวกเราก็ดันไปตอบเป็นการใหญ่ ในขณะที่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญ.. ไม่นานเขาย่อมลืม แต่ว่าพวกเราดันจำ…

 

เขาเชื่อ แม้กระนั้นไม่ทำ

ท้ายที่สุดแล้วทุกปัญหา ถ้าเกิดจะแก้ย่อมจำเป็นต้อง “ลงมือกระทำ” ไม่ว่าสิ่งที่พวกเราบอก สอน จะดี ถูกแค่ไหน แต่ว่าในที่สุดเมื่อเขาไม่นำไปทำ มันก็ไม่เป็นผลสำเร็จและก็เสียเปล่าในคำสั่งสอนนั้น อันที่จริงแล้วถ้าหากพวกเราวางใจได้ รู้เรื่องมันได้ก็ดีแล้วไป แม้กระนั้นหากไว้ใจมิได้ ด้วยความปรารถนาดีมากมาย ห่วงมากมาย หรืออื่นใดต่อคนนั้น มันก็กลับมารังควานเจตนาพวกเราคือเรื่องธรรดา แล้วจุดหนึ่งก็จะพบว่า พวกเราแปลงคนไหนกันมิได้ ถ้าหากเขาไม่ต้องการเปลี่ยนแปลงเอง…

 

ทั้งผองนั้นมันมีมากมายมุมเหลือเกิน ที่การบอกสอน หรือจริงๆในที่นี้เป็นให้คำปรึกษาคนใดกันแน่ มันเกิดเรื่องที่ยากลำบากเสียอย่างมาก แม้กระนั้นพวกเราคนไม่ใช่น้อยก็จะทำมันด้วยความเต็มใจเสมอ..

 

รวมทั้งด้วยสารพัดสารพันเหตุผลที่กล่าวมา คุณอาจเริ่มคิดและก็มีความเห็นว่า “พวกเรายังมีหน้าไปสอนผู้ใดกันเขาเพราะเหตุใด” จะว่าไปแล้วคิดเป็นเปอร์เซ็นต์ หรือจังหวะที่จะการบรรลุผล ต่ำมากมายๆที่คนไหนกันแน่จะเชื่อ ฟัง แล้วก็ผลสรุปตรงตามเจตนาที่พวกเรามีให้ใครสักคน…

 

จะอ้าปากสอนคนใดกันแน่ เอากลับมาสอนตนเองในมุมหนึ่งก่อน

ดูเหมือนกับว่าผมกำลังมองดูประเด็นนี้ในทางร้าย แต่ว่าไม่ใช่เลย ก็แค่ถึงปัจจุบันนี้ผมก็ยังพบ การเสียความรู้สึกถึงแม้ไม่มากมายก็ตามในความปรารถนาดี เจตนาดีทำนองนี้ แต่ว่ามันก็น้อยกว่าเมื่อก่อนมากไม่น้อยเลยทีเดียว เพราะว่าเวลานี้แทบไม่บอก เตือน สอน อะไรผู้ใดกันเลยด้วย จะมีสักคนหนึ่งพวกเราก็จะต้องเต็มอกเต็มใจจริงๆแล้วก็ทำใจให้ได้เพราะว่า คำตอบบางทีอาจไม่ตรงเจตนา โดยบางทีอาจเป็นพวกเราเองที่รู้ผิด สถานะไม่ถูก หรือคิดผิดเองเสมือนที่เขียนไป สรุปกล้วยๆก็ในประมาณว่าจะสอน/ชี้แนะอะไรผู้ใดกันแน่ให้ถามดวงใจตนเองดีๆ

 

ที่สุดแล้วสำหรับผมโชคดีที่มีสิ่งนี้ เป็นการเขียนเป็นบทความดีๆพวกนี้ล่ะขอรับ คนจะอ่านจะต้องมีความดิ้นรน ขวนขวาย ตั้งมั่นหน่อยนึง ไม่อย่างนั้นคงจะไม่คิดจะอ่าน หรืออ่านไม่จบ และก็ผมไม่ทราบว่าผลดีไหม แต่ว่าทำด้วยเจตนาดี บนแนวความคิดที่ไม่คิดสรุปอะไรแทนคนไหนกันแน่ และก็เขียนแล้วบทความอยู่ตลอดไป ไม่เศร้าใจ ไม่เสียแรง แหะๆด้วยเหตุว่ามิได้บอกคนๆเดียว จะต้องมีสักคนหนึ่งที่ได้ประโยชน์จริงๆ

 

ท้ายที่สุด พวกเราเชื่อคนไหน ผู้ใดกันจะเชื่อพวกเรา ไม่ถูกถูก ยากวินิจฉัย ในหลายที แทนที่กำลังจะอ้าปากสอนคนใด เอากลับมาสอนตนเองในมุมหนึ่งก่อน ว่าทำเป็นดีหรือยัง พวกเรากำลังจะมีสติเพียงใด ด้วยเหตุว่าพวกเราเองก็จำต้องไม่ประมาทกับชีวิต เพราะว่าพวกเรา “ควรจะทราบ” ว่า พวกเรา “ไม่เคยรู้ว่า” ในอนาคตอะไรจะเกิดขึ้น สิ่งที่พวกเราเชื่อ วันหน้าวันหลังบางทีอาจไม่ใช่ สิ่งที่วันนี้ไม่ใช่วันหน้าวันหลังบางทีอาจถูกแล้วพวกเราก็จำต้องเปลี่ยนแปลงมุมมองที่สอนใหม่ ไม่ใช่ผู้ใด สอนให้ตัวเรานี่แหละ ทำความเข้าใจเปลี่ยนก่อน..

สนับสนุนโดย สล็อตออนไลนฺ์