เชื่อว่าหลายคนคงจะเคยได้ยินคำว่า “digital disruption” กันมาบ้างแล้ว เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ที่กำลังถูกพูดถึงกันเป็นวงกว้างในแวดวงของธุรกิจโลกซึ่งให้การยอมรับว่าtechnology disruption นั้นมีส่วนที่ช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงและสร้างผลกระทบต่อองค์กรในวงกว้าง แต่อย่างไรก็ตามก็ต้องยอมรับเลยว่าเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักธุรกิจมือใหม่ทั้งที่เพิ่งเริ่มธุรกิจของตัวเองและเพิ่งสืบทอดกิจการดั้งเดิมของครอบครัว ดังนั้นเพื่อช่วยให้หลายคนเข้าใจกับคำว่า digital disruption คืออะไรกันมากขึ้น ในวันนี้เราจึงมีสรุป 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ digital disruption มาฝากกัน แต่จะมีเรื่องไหนบ้างนั้น ตามมาดูกันเลย

1. ความหมายของคำว่า digital disruption คือ การนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการเปลี่ยนแปลงรูปแบบของธุรกิจจนทำให้เกิดเป็นผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ให้แตกต่างไปจากเดิมส่งผลกระทบต่อรูปแบบและมูลค่าทางการตลาด
2. การนำ technology disruption มาใช้ในภาคธุรกิจนั้นมีความหมายที่แตกต่างไปจากการ Transformation ธุรกิจอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าการ Transformation ธุรกิจนั้นจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาโมเดลธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์เดิมที่มีอยู่ให้ดีขึ้นหรือพัฒนาสิ่งเดิมให้เป็นสิ่งใหม่แต่ยังเน้นการต่อยอดจากผลงานเดิมหรือต้นทุนเดิมที่มีอยู่ ในขณะที่การ disruption ธุรกิจนั้นจะเป็นการพัฒนาให้เกิดสิ่งใหม่ขึ้นมาโดยไม่ได้ต่อยอดมาจากของเดิมที่เคยมีอยู่
3. องค์ประกอบสำคัญที่ทำให้เกิดการ digital disruption ในเชิงธุรกิจนั้นต้องประกอบด้วย 3 องค์ประกอบหลัก ๆ ได้แก่ ผลที่ได้เกิดจากการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดต้องเกิดขึ้นในโลกดิจิทัลเท่านั้น และต้องเป็นการสร้างฐานการตลาดใหม่ที่แตกต่างจากเดิม และถ้าหากขาดข้อใดข้อหนึ่งไปก็จะไม่ถือว่าเป็นการ disruption ธุรกิจ
4. พิจารณาจากเกณฑ์การเข้าไปก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงจะสามารถแบ่ง digital disruption ได้ออกเป็น 3 ประเภท นั่นก็คือ เข้าไปเปลี่ยนแปลงความต้องการของตลาด เข้าไปเปลี่ยนแปลงรูปแบบการซื้อขายและการชำระเงิน และการเปลี่ยนแปลงการสื่อสารกับผู้บริโภค แต่ถ้าหากจะพิจารณาตามโมเดลทางธุรกิจจะมี 5 ประเภทที่น่าสนใจ ได้แก่ ธุรกิจที่มีอำนาจทางการตลาดขนาดใหญ่หรือ Marketplace ธุรกิจการเข้าถึงผู้บริการ ธุรกิจที่มีการบริการตามความต้องการของลูกค้า ธุรกิจที่มีการเชื่อมโยงกันระหว่างผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เดียวกัน และธุรกิจที่มีการสมัครสมาชิกก่อนเข้ารับบริการ
5. สำหรับตัวอย่างธุรกิจในประเทศไทยที่มีการนำเอา technology disruption มาใช้อย่างเป็นรูปธรรมและเกิดการเปลี่ยนแปลงมากที่สุดก็คือ ค่ายอาร์เอส อดีตค่ายเพลงวัยรุ่นชื่อดังของไทยที่ตอนนี้ได้มีการปรับโครงสร้างด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้และรีแบรนด์ตัวเอง เพื่อเปลี่ยนจากบริษัทเพลงและเอนเตอร์เทนเมนต์อย่างเดียวมาเข้าสู่ธุรกิจ Commerce อย่างเต็มตัว ด้วยการขายผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ภายใต้แบรนด์ RS Mall และ COOLanything ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของตัวเองทั้งคลื่นวิทยุ COOLfahrenheit และช่อง 8 รวมไปถึงช่องทางออนไลน์อื่น ๆ โดยสามารถทำผลกำไรได้เพิ่มขึ้นกว่า 184% ในปี 2562 ซึ่งหากอยากเป็นส่วนหนึ่งขององค์กรชั้นนำ สมัครงานกับ RS ได้ที่นี่

            เป็นอย่างไรบ้างสำหรับ 5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ digital disruption ที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ซึ่งรับรองเลยว่าข้อมูลเหล่านี้จะต้องเป็นประโยชน์ต่อนักธุรกิจรุ่นใหม่อย่างแน่นอน (อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับค่ายอาร์เอสได้ที่นี่เลย https://www.rs.co.th/th)