หลายคนสนใจอยากทำธุรกิจรถเช่า ทั้งเพื่อการท่องเที่ยวหรือให้บริการขนส่งก็ดี ธุรกิจนี้ถือว่าเป็น รายได้พิเศษ”ที่ผู้คนเริ่มให้ความสนใจ เพราะต่างเชื่อมั่นว่าเป็นการลงทุนที่ ”ไม่มีความเสี่ยง” แค่จัดซื้อหรือผ่อนรถยนต์แล้วนำไป”ร่วมวิ่งให้บริการ” หลายคนต่างก็เชื่อว่า ไม่มีปัญหาถ้าได้ทำประเภท 1 หรือประเภท 2
เพราะอยู่ในเงื่อนไขความคุ้มครองของกรมธรรม์ประกันภัย แต่จริงๆแล้วมีเงื่อนไขอยู่หลายข้อที่ถือเป็นข้อยกเว้นไม่ได้รับความคุ้มครอง สำหรับความเสียหายหรือสูญหายของรถยนต์ที่ผู้เอาประกันภัยได้นำไปร่วมทำธุรกิจรถเช่าเพื่อการท่องเที่ยวหรือให้บริการขนส่ง  การนำไปใช้ในลักษณะอย่างนี้  ถ้ารถยนต์เกิดสูญหายขึ้นมา คู่มือตีความกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์  ซึ่งถือเป็นประกาศนายทะเบียนและมีผลบังคับใช้ตามกฏหมาย ได้ตีความในข้อยกเว้นไว้ว่า

“ข้อ 5 การยกเว้นรถยนต์สูญหาย ไฟไหม้ การประกันภัยนี้ไม่คุ้มครองความสูญหายหรือไฟไหม้อันเกิดจาก

5.1 ความเสียหายหรือสูญหายอันเกิดจากการลักทรัพย์ หรือยักยอกทรัพย์ โดยบุคคลได้รับมอบหมายหรือครอบครองตามสัญญาเช่า สัญญาเช่าซื้อ หรือสัญญาจำนำ หรือโดยบุคคลที่จะกระทำสัญญาดังกล่าวข้างต้น”

แน่อนอนว่า ถ้าคุณนำนำรถยนต์ของตนเองไปร่วมวิ่งบริการ ซึ่งแน่นอนย่อมมีสัญญาเช่าชัดเจน และต่อมารถเกิดถูกขโมยไปหรือโดนยักยอกไปจากเจ้าของกิจการรถเช่าหรือหุ้นส่วน  เราไม่สามารถไปเรียกร้องขอใช้สิทธิ์รับค่าสินไหมทดแทนจากบริษัทประกันภัยที่รับประกันภัยได้ เพราะเข้าข่ายข้อยกเว้นที่ระบุไว้

ยกเว้น ผู้ยักยอกเป็นพนักงานของบริษัทที่เราไปร่วมลงทุนด้วย กรณีอย่างนี้ถือว่าเป็นการลักทรัพย์หรือยักยอกทรัพย์โดยลูกจ้าง ซึ่งมีการคำนวณเบี้ยประกันภัยเพื่อรองรับความเสี่ยงไว้แล้ว บริษัทประกันภัยต้องให้ความคุ้มครอง

อีกกรณีที่มีคนมาเช่ารถ แล้วใช้เอกสารปลอมมาขอเช่ารถ ซึ่งเป็นการแสดงเจตนามาตั้งแต่ต้นว่าต้องการยักยอกหรือลักทรัพย์ มิได้มีเจตนาเพื่อนำไปใช้ตามที่ระบุไว้ในสัญญา  คู่มือตีความฯชี้ชัดว่า” เป็นการลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย”  ไม่เข้าข่ายข้อยกเว้น 5.1 ดังกล่าว บริษัทจึงไม่อาจปฎิเสธความคุ้มครองได้

กรณีรถยนต์ที่สูญหายไปและตามกลับคืนมาได้ แต่อยู่ในสภาพที่มีความเสียหาย ถ้ารถยนต์คันดังกล่าวได้ทำประกันภัยรถยนต์ประเภท 1 เอาไว้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นนี้บริษัทประกันภัยผู้รับประกันภัยต้องให้ความคุ้มครอง