ใครที่มีรถยนต์และเพิ่ง ต่อพรบรถยนต์ ไปนั้นก็อย่าลืมเช็คเรื่องของระยะเวลาที่กรมธรรม์ ประกันรถยนต์ ภาคสมัครใจที่เราทำไว้ด้วยว่า ใกล้หมดอายุหรือยัง แล้วจะทำ ประกันรถยนต์ ภาคสมัครใจในความคุ้มครองใดหากสิ้นอายุกรมธรรม์เดิม เพราะประกันประเภทนี้นั้นจะมีหลายความคุ้มครองให้เราเลือก ไม่ว่าจะเป็น ประกันภัยรถยนต์ ชั้น 1 ,ประกัน รถยนต์ 2 หรือประกัน ชั้น 3 เป็นต้น นอกจากนี้แล้วก็ยังมีเรื่องอื่น ๆ ที่เราจะต้องเปลี่ยนด้วยเมื่อครบกำหนดเวลาของมัน อย่างเช่น ในเรื่องของน้ำมันหล่อลื่นต่าง ๆ หรือเรื่องของยาง เป็นต้น และในวันนี้สำหรับยางรถยนต์ใครที่หมดสภาพการใช้งานและต้องเปลี่ยนเส้นใหม่แล้วนั้น เราก็มีคำแนะนำในการเลือกซื้อยางเส้นใหม่มาฝากเพื่อน ๆ ทุกคนกันด้วย

1. เราใช้รถยนต์บ่อยแค่ไหน เพราะโดยปกติแล้วนั้นยางรถยนต์จะมีมีอายุการใช้งานประมาณ  2 ปี แล้วหลังจากนั้นจะเริ่มไม่เกาะถนนเพราะเนื้อยางเริ่มแข็งขึ้นเรื่อย ๆ และดอกยางนั้นก็จะเริ่มสึกหรอไปตามระยะการใช้งานด้วย ซึ่ง 50,000 กิโลเมตรนี่เริ่มส่งผลเรื่องดอกยางแล้ว ฉะนั้นก่อนที่เราจะเลือกซื้อยางใหม่ก็อย่าลืมดูลักษณะการใช้งานของเราด้วย ซึ่งเรานั่นแหละจะรู้ดีในเรื่องนี้มากที่สุด โดนใครก็ตามที่ใช้รถน้อยก็อาจจะเลือกยางที่นิ่มที่สุด เพราะยางจะได้ไม่แข็งก่อนยางสึก ส่วนใครที่ใช้รถเยอะก็ใก้เลือกยางที่มีดอกแข็งเพื่อยืดอายุการสึกของดอกยางนั่นเอง
2. เราใช้รถในลักษณะใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของน้ำหนักในการบรรทุกและก็ความเร็วที่เราขับอยู่เป็นประจำ ซึ่งถ้าหากว่าเราเป็นคนใช้รถยนต์ในงานทั่ว ๆ ไปก็สามารถเลือกยางที่มีคุณภาพเท่ากับยางที่ติดมาจากโรงงานได้หรือจะเพิ่มเกรดความนุ่มเพื่อให้ยึดเกาะถนนเพิ่มขึ้นอีกก็ได้ ส่วนใครที่ต้องนำรถไปใช้ในการบรรทุกของ หรือขับรถด้วยความเร็วกว่าปกติเช่นวิ่งทางต่างจังหวัดก็ให้เลือกยางที่เหมาะสม โดยเราสามารถดูรหัสเลขที่แก้มยางซึ่งมันจะบอกคุณสมบัติต่าง ๆ ของยางเส้นนั้น
3. ให้เราดูเรื่องของราคาให้เหมาะสม เพราะเมื่อมีการผลิตกันหลายแบรนด์ฉะนั้นมันย่อมมีการแข่งขันกันเรื่องราคาอยู่แล้ว ซึ่งอาจจะไปต่างกันที่เทคโนโลยีในการผลิต เช่น ลายของดอกยาง ฉะนั้นให้เราดูราคายางเส้นที่เรารับไหวและเหมาะสมกับการใช้งานของเรา เพราะเราเลือกได้สบายอยู่แล้ว
4. ให้เราดูเรื่องของดอกยาง เพราะมันช่วยในเรื่องของการยึดเกาะถนนนั่นเอง ฉะนั้นเราควรให้ความสำคัญกับเรื่องของดอกยางเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันนั้นมันก็มีอยู่ด้วยกัน 3 ประเภท ได้แก่

   ดอกยางแบบ 2 ทิศทาง ( Non-directional ) ยางแบบนี้จะทำให้การขับขี่นุ่มนวล เหมาะสำหรับความเร็วไม่สูง

   ดอกยางแบบทิศทางเดียว ( Directional ) สามารถรีดน้ำได้ดี เหมาะกับรถที่ใช้ความเร็วสูง และยังทำให้เราสามารถเข้าโค้งได้มั่นคง

   ดอกยางแบบไม่สมมาตร ( Asymmetric ) เหมาะสำหรับใช้ในรถที่เอาไว้แข่ง ซึ่งราคามันก็แพงมาก